จากความสำเร็จของนิยายเรื่อง April, Come She Will ที่มียอดขายทะลุ 350,000 เล่ม ได้ถูกดัดแปลงขึ้นสู่จอหนังเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับ April Come She Will เมษายน พาใครบางคนกลับมา ภาพยนตร์แนวโรแมนติกดราม่า โดยมีทางด้าน คาวามุระ ร่วมเขียนบทด้วย แถมยังได้ โทโมคาซุ ยามาดะ ผู้กำกับรุ่นใหม่ไฟแรงมาประเดิมกำกับภาพยนตร์เรื่องยาวเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ ยังได้ ฟูจิอิ คาเสะ นักร้องขวัญใจชาว TikTok มาร่วมสร้างสรรค์เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นครั้งแรกในชื่อเพลง “Michi Teyu ku” ที่บอกเลยว่าเพราะมากๆ นี่จึงเป็นอีกเรื่องที่กระแสมาแรงดีมากที่ญี่ปุ่น และมาให้รับชมที่ไทยกันเรียบร้อยแล้ว
April Come She Will เมษายน พาใครบางคนกลับมา เป็นเรื่องราวในช่วงของเดือนเมษายนที่แสนอบอุ่น จิตแพทย์หนุ่ม ชุน ฟูจิชิโระ ได้รับจดหมายที่กลับมากระตุ้นความทรงจำจากอดีตแฟนสาวของเขาอีกครั้งอย่าง ฮารุ ผู้ที่เคยเป็นรักแรกของเขาเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งจดหมายเหล่านั้นพาเขากลับไปยังสถานที่ต่างๆ ที่พวกเขาเคยสัญญากันว่าจะไปด้วยกัน แต่การปรากฏตัวของจดหมายเหล่านี้ก่อให้เกิดความสับสนในใจของ ฟูจิชิโระ แม้ว่าเขาจะกำลังเตรียมตัวแต่งงานกับ ยาโยอิ สัตวแพทย์สาวแสนดีที่คบหากันมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่หลังจากที่ได้รับจดหมายจากรักแรก ยาโยอิก็ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ
คำถามมากมายผุดขึ้นในใจของฟูจิชิโระ เหตุใดฮารุจึงเขียนจดหมายหาเขาอีกในครั้งนี้ และยาโยอิหายตัวไปเพราะอะไร สองเหตุการณ์ที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้อง แต่กลับเชื่อมโยงกันด้วยสายใยแห่งความรัก ทำให้ฟูจิชิโระต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่สุดแสนจะยากลำบาก ว่าเขาจะตามหาความรักครั้งแรกที่กลับมาหรือจะรักษาความสัมพันธ์ที่เขามีอยู่ ความรักครั้งใดที่เขาปรารถนาให้กลับคืนมากันแน่ ต้องติดตามรับชมกัน
เมษายน พาใครบางคนกลับมา เป็นภาพยนตร์รักญี่ปุ่นที่ต้องบอกเลยว่าเข้าใจยากมากในช่วงแรก เนื่องจากแนวคิดและอารมณ์ที่ซับซ้อนของตัวละครนั้นทำเอาจับจุดไม่ได้เลย แต่ในช่วงท้ายของเรื่องราวกลับพลิกล็อกได้ตะลึงทีเดียว เปลี่ยนความรู้สึกของผู้ชมจากความไม่เข้าใจให้ประทับใจหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว กราฟความชอบพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เรื่องนี้นั้นจากที่เกือบจะไม่ชอบก็กลายเป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งกินใจมากๆ จบแบบอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก
แน่นอนว่านี่คือเรื่องที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายของ เก็นงิ คาวะมูระ ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2016 และมีฉบับแปลภาษาไทยวางจำหน่ายในประเทศไทยด้วย แต่สำหรับเวอร์ชันภาพยนตร์ทางผู้เขียนเองก็มีส่วนร่วมในการพัฒนาบทภาพยนตร์ร่วมกับผู้กำกับหน้าใหม่อย่าง โทโมะคาซุ ยามาดะ ซึ่งมันก็ทำให้ผลงานออกมาค่อนข้างดีและเสริมให้มีมิติมากขึ้นจากตัวหนังสือต้นฉบับ
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่หนังที่เข้าใจง่าย แต่ก็ไม่ถึงกับยากเกินไป เนื่องจากยังคงแฝงกลิ่นอายความรักแบบญี่ปุ่นอันอบอุ่นเอาไว้ แต่จุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือการเล่าเรื่องและการสร้างมิติตัวละครหลักทั้ง 3 ที่ลึกซึ้งและซับซ้อนอย่างน่าประทับใจ โดยมีความรักของตัวละครแต่ละตัวในแบบที่ผู้ชมสามารถตีความได้อย่างอิสระ โดยในตัวเรื่องนั้นจะมีคำถามหลักที่ตั้งไว้คือ ควรทำอย่างไร ให้ความรักไม่จบลง ซึ่งเป็นคำถามที่ต้องคิดทั้งตัวละครและผู้ชมไปพร้อมๆ กัน เนื้อหาของเรื่องจึงพาผู้ชมมาสู่ห้วงอารมณ์ขมขื่นของความรัก แถมยังยิงคำถามใส่ผู้ชมอีกว่าความรักที่เรามอบให้กับคนที่อยู่เคียงข้างเราในตอนนี้นั้นดีพอหรือยัง
การแสดงของนักแสดงนำในเรื่องนี้ก็ดีงามมากไม่แพ้กัน เพราะนักแสดงนำสุดหล่ออย่าง ทาเครุ ซาโตะ ก็สุดทรงพลังจริงๆ และหลายครั้งที่ถ่ายทอดบทบาทในภาพยนตร์แนวรักโรแมนติกและดราม่าได้อย่างฟอร์มดีไม่มีตก การแสดงออกทางอารมณ์และการตีความตัวละครนั้นบอกเลยว่าเรียลสมจริงสุดๆ สะท้อนให้เห็นถึงความสับสน ความว่างเปล่า และความสิ้นหวังของตัวละครได้อย่างโคตรจะสมจริงกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
ทางด้านงานภาพก็ไม่แพ้กัน เพราะด้วยฝีมือการกำกับของช่างภาพมากฝีมือ เมษายน พาใครบางคนกลับมา จึงอัดแน่นไปด้วยภาพถ่ายและมุมกล้องที่งดงามจับใจในทุกฉาก โดยเฉพาะฉากหลักในญี่ปุ่นที่เลือกใช้ภาพสื่อถึงอารมณ์ของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง ขณะที่ฉากเสริมในต่างประเทศอย่างโบลิเวีย ปราก และไอซ์แลนด์ ก็ถ่ายทอดความงามที่แทบจะทำให้เหมือนเรากำลังชมนิทรรศการงานศิลป์ยังนั้นเลย
ในระหว่างการเล่าเรื่องเองก็ยังมีการแทรกข้อความเชิงสัญลักษณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่กระตุ้นให้ผู้ชมได้มานั่งตีความกัน แต่อาจจะไม่ได้ทันสังเกตได้เลยถ้ามองข้ามหากไม่ได้สังเกตอย่างละเอียด เช่น เสียงแวดล้อมที่สะท้อนอารมณ์และความคิดของตัวละครในแต่ละฉาก เสียงเครื่องบินที่บินขึ้นที่สามารถบ่งบอกถึงความต้องการของตัวละครที่จะเดินทางไปยังที่ที่ไม่รู้จัก รายละเอียดที่ซับซ้อนยิบย่อยพวกนี้บอกเลยว่าถ้าวิเคราะห์และตีความไปด้วยจะยิ่งทำให้ดูแล้วขนลุกจริงๆ เพราะมันได้ฟีลและมีความความหมายที่ซ่อนอยู่มากมาย
April, Come She Will เมษายน พาใครบางคนกลับมา อาจไม่ใช่หนังรักญี่ปุ่นที่แสนหวานและซาบซึ้งอย่างที่คาดหวังกันสักเท่าไร แต่กลับเป็นหนังรักที่แฝงไว้ด้วยความขมขื่น ทว่าความขมนี้กลับกลายเป็นรสชาติแสนอร่อยเมื่อได้ซึมซับและเข้าใจอย่างถ่องแท้ แถมเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงและความแน่วแน่ในความรักและชีวิตคู่ แม้ว่าจังหวะและลีลาของหนังจะชวนให้ง่วงเหงาหาวนอนในช่วงครึ่งแรก แต่เมื่อบทสรุปของหนังมาถึง รับรองได้เลยว่าคุณจะตกหลุมรักหนังเรื่องนี้