Baby Reindeer เบบี้ เรนเดียร์ ซีรีส์ดราม่าตลกจาก Netflix ต้นฉบับจากประเทศอังกฤษ ความยายจำนวน 7 ตอน ที่ว่าด้วยเรื่องราวของชายหนุ่มผู้ใฝ่ฝันเป็นนักแสดงตลก แต่ต้องเผชิญกับการคุกคามจากสตอล์กเกอร์สาวร่างท้วมคนหนึ่ง และเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่บิดเบี้ยวของทั้งคู่พาให้เขาเผชิญกับบาดแผลในอดีตอันมืดมนและเจ็บปวดที่สุด แถมยังเป็นเรื่องราวที่สร้างจากเรื่องจริงของนักแสดงนำชายอย่าง ริชาร์ด แกดด์ กันอีกด้วย ซึ่งเขาก็ได้ขึ้นแท่นเขียนบทซีรีส์เรื่องนี้เองกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีนักแสดงสมทบทั้ง นาวา เมา และ ทอม กูดแมน-ฮิลล์ และอีกมากมาย
สำหรับซีรีส์เรื่อง Baby Reindeer เราจะได้รับชมความสัมพันธ์ปที่ประหลาดและบิดเบี้ยวระหว่าง ดอนนี่ ดันน์ (แสดงโดย ริชาร์ด แกดด์) นักแสดงตลกที่มุ่งมั่นตามไล่ล่าความฝันของตัวเองอยู่ แต่กลับต้องเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายยิ่งกว่าเมื่อต้องทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ ขณะเดียวกัน มาร์ธา หญิงสาวลึกลับที่อ้างตัวเป็นทนาย แต่กลับไม่มีเงินติดตัวสักนิดเดียว (แสดงโดย เจสสิกา กันนิง) ที่เธอคอยตามติดดอนนี่ราวกับเงาตามตัวเพราะชื่นชอบในความเป็นเขา จนทั้งคู่ได้สร้างความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาด ซับซ้อน และบิดเบี้ยว ซึ่งเริ่มต้นจากความสงสารที่กลายเป็นสิ่งที่เลวร้ายไปมากกว่านั้น
อย่างที่บอกไปว่าซีรีส์เรื่องนี้มีความยาวเพียง 7 ตอน ซึ่งแต่ละตอนก็จะมีความยาวประมาณ 30 นาที รวมความยาวทั้งซีรีส์เพียง 3 ชั่วโมงเศษเท่านั้น เนื้อหาหลักของซีรีส์มุ่งไปที่มาร์ธา หญิงสาววัยกลางคนที่มีน้ำหนักเกินและมีอาการป่วยทางจิต ซึ่งเธอหลงผิดคิดว่าชายหนุ่มที่เลี้ยงชากับเธอเพียงแก้วเดียวมีความรู้สึกดีๆ ให้กับเธอด้วย จนนำไปสู่การตามติดชีวิตของเขาอย่างใกล้ชิด โดยที่ตัวซีรีส์เองสามารถถ่ายทอดความลึกซึ้งของอาการป่วยทางจิตประเภทนี้ได้อย่างน่าตกใจ ทั้งนำเสนอผลกระทบที่น่ากลัวและรบกวนจิตใจของผู้ที่ต้องเผชิญกับโรคนี้
ในแต่ละวัน ตัวเอกของเรื่องอย่า ดันน์ จะต้องเผชิญกับการคุกคามซ้ำๆ ซากๆ ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะผู้กระทำอย่าง มาร์ธา ไม่ได้กระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น การติดต่อผ่านอีเมล โซเชียลมีเดีย และข้อความเสียงเต็มไปด้วยถ้อยคำสุดจะลามกอนาจาร แม้จะไม่ถึงขั้นผิดกฎหมาย แต่ก็สร้างความรำคาญใจอย่างมาก อย่างว่ากับการที่เธอเป็นทนายจนทำให้กลายเป็นอาชญากรผู้เชี่ยวชาญที่สามารถหาหนทางหลบเลี่ยงการลงโทษได้เสมอ
แม้ว่าเรื่องราวจะนำเสนอในรูปแบบการก่อกวนเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจดูตลก แต่เมื่อเกิดขึ้นซ้ำๆ ก็กลายเป็นเรื่องราวที่กดดันทางจิตใจอย่างรุนแรงและหาทางออกไม่ได้ ซีรีส์เรื่องนี้ค่อยๆ เพิ่มระดับความหมกมุ่นจนเกินขีดในแต่ละตอน แม้จะมีฉากที่น่าสงสารเป็นระยะๆ เนื่องจากตัวละครหลักป่วยทางจิตอย่างชัดเจน แต่ความน่าสงสารนี้กลับกลายเป็นเชื้อไฟที่จุดประกายให้เธอกลับมาทำพฤติกรรมเดิมๆ ได้ตลอดเลย ซึ่งต้องชื่นชมกับนักแสดงนำที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งอารมณ์โรคจิตและอารมณ์น่าสงสารที่ปรากฏสลับกันเหมือนคนเป็นไบโพลาร์
การเล่าเรื่องนั้นไม่ได้เน้นเฉพาะการคุกคามจากสตอล์กเกอร์เท่านั้น แต่ยังเจาะลึกถึงปมในชีวิตของตัวเอกอย่าง ดอนนี่ ดันน์ ที่นอกจากความฝันที่ล้มเหลวในการเป็นนักแสดงตลกเดี่ยวไมโครโฟนแล้ว เขายังมีเส้นทางชีวิตที่ผิดพลาดตั้งแต่แรก โดยเฉพาะการคบคนผิดอย่างมาร์ธา โดยจะให้ผู้ชมได้สำรวจถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขาที่มีต่อมาร์ธาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าใครที่ดูตอนนี้แล้วอาจจะรู้สึกหงุดหงิดกับการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผลของดอนนี่ แต่ซีรีส์ก็พยายามให้เหตุผลที่ทำให้เข้าใจได้
นอกจากนี้ยังมีตัวละครที่โดดเด่นอย่าง เทอรี่ ซึ่งรับบทโดย Nava Mau นักแสดงหญิงข้ามเพศที่ถ่ายทอดบทบาทชายข้ามมาเป็นหญิงได้อย่างลึกซึ้งและเรียลมากๆ โดยเธอเป็นคนรักของดอนนี่ แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เองกลับมีความลับซ่อนอยู่มากมาย อาชีพนักบำบัดของเทอรี่จุดประกายความอยากที่จะเข้าใจอารมณ์ของตัวดอนนี่ เธอจึงกลายเป็นทั้งแรงผลักดันและอุปสรรคสำคัญในเส้นทางการต่อสู้ของดอนนี่กับมาธาร์ โดยความรักของเธอนั้นก็เป็นเดิมพันที่กำหนดชะตากรรมของทั้งคู่
สุดท้ายแล้วซีรีส์ดราม่าเข้มข้นเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเจาะลึกจิตใจของผู้ป่วยโรคจิตสตอล์กเกอร์ ผสานอารมณ์ขันจากพฤติกรรมแปลกประหลาดกับความน่ากลัวที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ท้าทายกฎหมายและศีลธรรม เรื่องราวตามติดชีวิตของตัวเอกที่เต็มไปด้วยบาดแผลในอดีต ซึ่งนำพาเขาไปสู่การเผชิญหน้ากับความสยองขวัญนี้ และในช่วงท้ายก็สามารถเล่าเรื่องแบบคลี่คลายปมบาดแผลของทั้งคู่สร้างความสะเทือนใจและจบลงอย่างประทับใจเลยทีเดียว เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจก็ลองไปติดตามรับชมกัน